โบท็อกซ์ครั้งแรก ต้องรู้อะไรบ้าง? ข้อดี-ข้อเสียที่คุณอาจมองข้าม

โบท็อกซ์ เหมาะกับใคร

โบท็อกซ์ (Botox) เป็นหนึ่งในวิธีเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมาก เพราะช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้า และชะลอความแก่ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยโบท็อกซ์เหมาะกับคนที่มีปัญหาเหล่านี้

• คนที่เริ่มมีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า

ใครที่เริ่มสังเกตว่าตัวเองมีรอยย่นเวลายิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเลิกคิ้ว เช่น รอยตีนกา รอยหน้าผาก หรือร่องระหว่างคิ้ว โบท็อกซ์สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อในจุดเหล่านั้น ทำให้ริ้วรอยดูจางลง หรือในบางรายอาจหายไปเลย

• คนที่อยากหน้าเรียวโดยไม่ศัลยกรรม

คนที่มีกรามใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ เช่น ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งหรือกัดฟันบ่อย การฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามเล็กลง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด

• คนที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ

โบท็อกซ์ไม่ได้ใช้แค่บนหน้าเท่านั้น แต่ยังใช้รักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไปบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้าได้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหานี้จนเสียความมั่นใจ

• คนที่ต้องการผลลัพธ์แบบไม่ถาวร

โบท็อกซ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน แล้วสลายไปเอง เหมาะกับคนที่อยากลองเปลี่ยนลุค ปรับรูปหน้าชั่วคราว หรือยังไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรแบบถาวรดีไหม

โบท็อกซ์ ฉีดจุดไหนได้บ้าง?

โบท็อกซ์ สามารถฉีดเพื่อแก้ปัญหาได้ในหลายตำแหน่ง โดยจุดที่นิยมฉีดโบท็อกซ์ ได้แก่

• หน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว
• รอบดวงตา ใต้ตา ฉีดโบท็อกลดรอยตีนกา
• จมูก ปีกจมูก
• ร่องแก้ม
• ร่องน้ำหมาก รอบปาก
• ลดเหนียง ลดกราม ลิฟต์กรอบหน้า คอ
• กล้ามเนื้อที่บริเวณต้นแขน ต้นขา น่อง เพื่อปรับสัดส่วนให้เรียวสวยมากขึ้น
• โบท็อกซ์ลดเหงื่อที่บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เหมาะสำหรับคนที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ

โบท็อกซ์ อยู่ได้นานแค่ไหน?

โบท็อกซ์ สามารถอยู่ได้นาน 3-8 เดือน หลังจากนั้นโบท็อกซ์จะค่อยๆสลายไปเองตามธรรมชาติ ทั้งนี้ระยะเวลาของการคงอยู่ของโบท็อกซ์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวหลังฉีด และตำแหน่งที่ฉีดโบท็อกซ์ ของแต่ละบุคคลด้วย

ผู้เข้ารับบริการทุกคนจะต้องเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิว ริ้วรอยหรือการปรับสัดส่วนต่างๆ อย่างเหมาะสม เพราะโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นมีจุดเด่น และช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ไม่เหมือนกัน โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์การรักษามากพอจะต้องสามารถประเมินปัญหาผิวในแต่ละจุดของผู้เข้ารับบริการอย่างละเอียด และเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ควรใช้ได้อย่างเหมาะสม เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้ารับบริการได้มากที่สุด 

ก่อน-หลังฉีดโบท็อกซ์ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

โบท็อกซ์ที่ผ่าน อย. ในไทย

ปัจจุบันมี โบท็อกซ์ (Botox) ให้เลือกใช้หลายยี่ห้อจากหลากหลายประเทศ แต่โบท็อกซ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. ประเทศไทยมีทั้งหมด 9 ยี่ห้อ ได้แก่

โบท็อกซ์ ร้อยเอ็ด ที่ไหนดี?

โบท็อกซ์ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติ และระดับราคาที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ โดยมีวิธีการเลือกใช้โบท็อกซ์ และเลือกคลินิกอย่างปลอดภัย ดังนี้

• เลือกเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ กับคลินิกเสริมความงามที่มีคุณภาพ และเปิดดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น และควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์กับคลินิกที่ดูไม่น่าเชื่อถือ รวมไปจนถึงการฉีดโบท็อกนอกสถานที่
• ตรวจสอบโบท็อกซ์แท้ก่อนเข้ารับการรักษา ด้วยการตรวจสอบหมายเลข Lot. ที่แสดงบนกล่องบรรจุภัณฑ์ จะต้องตรงกันทุกจุด สามารถตรวจสอบเลข Lot. กับบริษัทตัวแทนนำเข้าหรือเช็กรายชื่อคลินิกที่ใช้ตัวยาแท้ได้ผ่านเว็บไซต์ official และที่สำคัญตัวยาโบท็อกซ์ที่แพทย์ใช้จะต้องเป็นของใหม่ที่ไม่มีร่องรอยการแกะ ฉีกหรือตัดซีลกล่องมาก่อนหน้า
• ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้จะต้อง ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ประเทศไทย บนกล่องบรรจุภัณฑ์จะต้องมีหมายเลขทะเบียน อย. แสดงอย่างชัดเจน และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอย่างครบถ้วน

สรุป

วันดี คลินิก ร้อยเอ็ด ใช้โบท็อกซ์แบรนด์ระดับโลก คุณภาพพรีเมียม ที่แพทย์ผิวหนังและความงามไว้วางใจ แพทย์สามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของตัวยาและวางแผนการฉีดโบท็อกซ์ได้อย่างแม่นยำ สร้างผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วภายใน 3-4 วันหลังฉีด และอยู่ได้นาน 6-8 เดือน สำหรับที่สนใจโบท็อกซ์ ร้อยเอ็ด สามารถเข้ามาประเมินปัญหาผิวหรือจองคิวฉีดโบท็อกซ์ ลดริ้วรอยหน้าผาก รอยตีนกา โบท็อกซ์ปรับกรอบหน้าเรียว ได้ที่ Wandee Clinic สาขาร้อยเอ็ด หรือแอดไลน์ @WandeeClinic เพื่อปรึกษาทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโบท็อกซ์ กับผู้เชี่ยวชาญของวันดี คลินิก ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือดูรีวิว โบท็อกซ์ ร้อยเอ็ด เพิ่มเติมได้เลยค่ะ